Menu

โลหะ คืออะไร? มีอะไรบ้าง? พร้อมแนะนำคุณสมบัติในงานอุตสาหกรรม

08. 06. 2023

1. โลหะ คืออะไร?

โลหะ (Metals)

Metals โลหะ คือ กลุ่มของสารที่ได้จากการถลุงสินแร่กลายเป็นเนื้อค่อนข้างบริสุทธิ์ จากนั้นจะถูกนำมาขึ้นรูปและแปรรูปให้เป็นวัสดุที่มีลักษณะทางกายภาพที่แข็ง (ยกเว้นปรอท) มีความหนาแน่น ไม่ยอมให้แสงผ่าน และมีความมันวาว มักจะเป็นตัวนำความร้อนและตัวนำไฟฟ้าได้ดี อีกทั้งยังทนทานต่อการกัดกร่อนและความร้อนได้ จึงมักถูกนำมาใช้ในหลายอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ การผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักรกล การผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และงานก่อสร้าง

นอกจากนี้ยังมีการนำโลหะไปใช้ในงานศิลปะ อุปกรณ์ทำเครื่องประดับ และงานฝีมือต่าง ๆ โลหะที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่ เหล็ก อลูมิเนียม สแตนเลส ทองแดง ทองคำ สังกะสี เงิน และดีบุก

2. คุณสมบัติของโลหะ

โลหะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป หากแบ่งกลุ่มประเภทคุณสมบัติโลหะทั่วไป จะสามารถแบ่งได้ดังนี้

  1. คุณสมบัติทางกล (Mechanical properties) เช่น ความแข็งแกร่ง (Strength), ความแข็ง (Hardness)
  2. คุณสมบัติความสัมพันธ์ระหว่างความเค้น/ความเครียด เช่น โมดูลัสความยืดหยุ่น (Modulus of elasticity)
  3. คุณสมบัติทางเคมี (Chemical properties) เช่น ความทนทานต่อการกัดกร่อน
  4. คุณสมบัติทางไฟฟ้า (Electrical properties) เช่น ความต้านทานทางไฟฟ้า การนำไฟฟ้า
  5. คุณสมบัติทางความร้อน (Thermal properties) เช่น อุณหภูมิจุดหลอมเหลว
  6. คุณสมบัติด้านอื่น ๆ เช่น ความหนาแน่น (Density) และความสึกหรอ (Wear)

นอกจากนี้ยังมีการนำโลหะไปใช้ในงานศิลปะ อุปกรณ์ทำเครื่องประดับ และงานฝีมือต่าง ๆ โลหะที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่ เหล็ก อลูมิเนียม สแตนเลส ทองแดง ทองคำ สังกะสี เงิน และดีบุก

ในส่วนภาพรวมคุณสมบัติโดยทั่วไปของโลหะสามารถลิสต์ออกมาได้ตามนี้

  • นำความร้อนและนำไฟฟ้าได้ดี
  • ส่วนใหญ่ผิวมันวาว สะท้อนแสง
  • อ่อนตัว สามารถรีดขึ้นรูปได้โดยไม่แตกหัก
  • แข็งแรง ช่วยในเรื่องน้ำหนักและความมั่นคง
  • มีความเหนียว ดึงยืดได้โดยไม่สูญเสียความสมบูรณ์ของโครงสร้าง
  • ทนทานต่อสภาพแวดล้อม ทนต่ออุณหภูมิสูงได้โดยไม่เสื่อมสภาพ
  • ต้านทานต่อการกัดกร่อน การเสื่อมสภาพ และการเกิดสนิม เมื่อสัมผัสกับความชื้นหรือสารเคมีบางชนิด

คุณสมบัติของโลหะในงานอุตสาหกรรม

คุณสมบัติของโลหะ

นอกจากนี้โลหะมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เนื่องจากมีคุณสมบัติเฉพาะตัว เราจึงลิสต์คุณสมบัติของโลหะในงานอุตสาหกรรมมาบางประการมาไว้ในหัวข้อนี้เพื่อให้เข้าใจถึงความเป็นโลหะและการนำมาใช้งานมากขึ้น

ความแข็งแรงและความทนทานสูง (High Strength and Durability) : โลหะมีความแข็งแรงและทนทานเป็นเลิศ ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความสมบูรณ์ของโครงสร้าง ความสามารถในการทนต่อการบรรทุกของที่มีน้ำหนักมาก รวมถึงความทนทานต่อสภาพอากาศหรือสภาพแวดล้อมที่มีการใช้งานหนัก ๆ

การนำไฟฟ้า (Conductivity) : โลหะมักเป็นตัวนำไฟฟ้าและความร้อนที่ดี คุณสมบัตินี้ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเดินสายไฟฟ้า ระบบส่งกำลัง และการใช้งานด้านความร้อนต่าง ๆ เช่น ชิ้นส่วนไฟฟ้า การผลิตพลังงาน และเครื่องจักรอุตสาหกรรม

ความอ่อนตัว (Malleability) : โลหะสามารถขึ้นรูปและแปรรูปได้ง่ายโดยไม่แตกหัก เนื่องจากมีความยืดหยุ่น คุณสมบัตินี้ช่วยให้สามารถรีดโลหะเป็นแผ่นบาง ๆ หรือดึงเป็นเส้นลวด ทำให้สามารถใช้นำมาใช้ในการผลิตชิ้นงานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การก่อสร้าง ยานยนต์ และยานอวกาศ

ความเหนียว (Ductility) : คล้ายกับความอ่อนตัว ความเหนียวหมายถึงความสามารถของโลหะที่จะยืดออกเป็นเส้นลวดบาง ๆ โดยไม่แตกหัก คุณสมบัตินี้จำเป็นสำหรับการใช้งาน เช่น การเดินสายไฟฟ้า สายเคเบิล และท่อ ซึ่งจำเป็นต้องมีความยืดหยุ่นและยืดขยายออก

ความต้านทานการกัดกร่อน (Corrosion Resistance) : โลหะบางชนิด เช่น สแตนเลสและอลูมิเนียม มีความทนทานต่อการกัดกร่อนได้ดีเยี่ยม คุณสมบัตินี้ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมทางทะเล การก่อสร้าง กระบวนการทางเคมี และโครงสร้างพื้นฐานที่สัมผัสกับความชื้นและสารเคมีที่มีความรุนแรง

การขยายตัวตามความร้อน (Thermal Expansion) : โดยทั่วไปแล้วโลหะจะขยายตัวและหดตัวตามการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ คุณสมบัตินี้มักจะนำมาใช้ในกระบวนการต่าง ๆ เช่น การต่อโลหะ โดยใช้ประโยชน์จากอัตราการขยายตัวที่แตกต่างกันของโลหะเพื่อสร้างพันธะที่แข็งแรง เช่น ในการเชื่อมและการประสาน

การสะท้อนแสง (Reflectivity) : โลหะหลายชนิดมีการสะท้อนแสงและสะท้อนรังสีได้สูงมาก คุณลักษณะนี้ทำให้มีประโยชน์ด้านการใช้งานต่าง ๆ เช่น กระจกเงา การเคลือบสะท้อนแสง แผงโซลาร์เซลล์ และโคมไฟ

คุณสมบัติทางแม่เหล็ก (Magnetic Properties) : โลหะบางชนิด เช่น เหล็ก นิกเกิล และโคบอลต์ มีคุณสมบัติทางแม่เหล็ก จึงจะพบโลหะเหล่านี้ใช้งานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบแม่เหล็ก

ความสามารถในการรีไซเคิล (Recyclability) : โลหะเป็นวัสดุที่สามารถนำมารีไซเคิลได้ และคุณสมบัติของโลหะจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อผ่านกระบวนการรีไซเคิล คุณสมบัตินี้จึงมีส่วนช่วยในด้านความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม และยังลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสำหรับอุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพาโลหะเป็นหลักในการผลิตชิ้นงานต่าง ๆ อีกด้วย

3. โลหะมีกี่ประเภท อะไรบ้าง

โลหะแบ่งออกได้หลายประเภทตามคุณสมบัติและลักษณะทางเคมี สำหรับการแบ่งกลุ่มใหญ่ จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ 1. โลหะกลุ่มเหล็ก (Ferrous metals) และ 2. โลหะนอกกลุ่มเหล็ก (Non-ferrous metals) ซึ่งเป็นประเภทของโลหะหลักที่พบในธรรมชาติและมักถูกใช้ในอุตสาหกรรม

ประเภทของโลหะ

นอกจากนี้ยังมีการนำโลหะไปใช้ในงานศิลปะ อุปกรณ์ทำเครื่องประดับ และงานฝีมือต่าง ๆ โลหะที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่ เหล็ก อลูมิเนียม สแตนเลส ทองแดง ทองคำ สังกะสี เงิน และดีบุก

1.โลหะกลุ่มเหล็ก (Ferrous metals) : เป็นโลหะที่มีส่วนผสมของเหล็ก (Fe) มากกว่า 50% ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเหล็กเหนียว (Iron) เหล็กหล่อ (Cast Iron) เหล็กกล้า (Steel) และเหล็กกล้าไร้สนิมหรือสแตนเลส (Stainless Steel) โลหะชนิดเหล็กเป็นโลหะที่มีคุณสมบัติแข็งแรง สามารถขึ้นรูปและแปรรูปได้หลายวิธี ทั้งการหล่อ การกลึง การรีด การปั๊ม จึงเหมาะกับการนำมาใช้งานในอุตสาหกรรมการผลิต การก่อสร้าง ทำโครงสร้างอาคาร และเครื่องจักรอุตสาหกรรม

2.โลหะนอกกลุ่มเหล็ก (Non-ferrous metals) : เป็นโลหะที่ไม่มีส่วนผสมของเหล็กเป็นองค์ประกอบหลัก มีความแข็งแรงทางด้านโครงสร้างหรือคุณสมบัติทางเชิงกลน้อยกว่าเหล็ก โดยทั่วไปจะทนต่อการกัดกร่อนได้มากกว่าเหล็ก มักถูกใช้ในรูปแบบของการเพิ่มเติมคุณสมบัติพิเศษให้กับโลหะอื่น ๆ เช่น เพิ่มการนำไฟฟ้าหรือทำให้โลหะอื่นง่ายต่อการขึ้นรูป ตัวอย่างโลหะนอกกลุ่มเหล็ก ได้แก่ อลูมิเนียม (Aluminum) ทองแดง (Copper) ตะกั่ว (Lead) ดีบุก (Tin) สังกะสี (Zinc) ทองคำ (Gold) เงิน (Silver) ทองเหลือง (Brass) บรอนซ์หรือทองสัมฤทธิ์ (Bronze) นิกเกิล (Nickel) แมกนีเซียม (Magnesium) และทองคำขาว (Platinum)

โดยโลหะนอกกลุ่มเหล็กยังสามารถแบ่งออกไปได้อีก 2 ประเภท นั่นก็คือ 

  • โลหะหนัก (Heavy Metals) คือ โลหะที่มีความหนาแน่นสูง (ส่วนใหญ่มากกว่า 5 g/cm³) ที่นิยมใช้งานกันมากและรู้จักโดยทั่วไป เช่น ทองแดง ตะกั่ว สังกะสี ดีบุก เป็นต้น
  • โลหะเบา (Light Metals) คือ โลหะที่มีความหนาแน่นต่ำ น้ำหนักเบา (ส่วนใหญ่น้อยกว่า 5 g/cm³) ที่ใช้งานและรู้จักกันทั่วไป เช่น อลูมิเนียม แมกนีเซียม ไทเทเนียม เป็นต้น

*Trick : นอกจากนี้ยังมีการจำแนกโลหะออกไปอีกหลายแบบ เช่น โลหะผสม (Alloys) ที่เกิดจากการนำโลหะหลายชนิดมาผสมกันเพื่อเกิดคุณสมบัติใหม่ขึ้นมา, โลหะมีค่า (Precious Metals), โลหะพื้นฐาน (Base Metals), โลหะทนไฟ (Refractory Metals), โลหะหายาก (Rare Earth Metals) และอื่น ๆ อีกมากมาย

โลหะ มีอะไรบ้าง

โลหะ มีอะไรบ้าง

โลหะมีหลายชนิดด้วยกัน หากแยกตามธาตุโลหะที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติก็จะมีมากกว่า 80 ชนิดในตารางธาตุ แต่เราขอนำตัวอย่างโลหะมาแนะนำให้ได้รู้จักเพียงบางส่วน

โดยโลหะตัวอย่างเหล่านี้เป็นโลหะที่ได้รับความนิยมและมีคุณสมบัติที่สามารถนำมาใช้ในงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ซึ่งเราจะทำเป็นตารางสรุปข้อมูลไว้เพื่อไกด์ไลน์ให้ผู้ที่ต้องการผลิตชิ้นส่วนและแปรรูปโลหะ สามารถนำข้อมูลนี้ไปใช้ในอุตสากรรมของตนเองได้

โลหะ มีอะไรบ้าง 1
โลหะ มีอะไรบ้าง 2

เหล็กกล้า (Steel) : มีความหนาแน่นอยู่ที่ 7.8 g/cm³ มีส่วนประกอบหลักเป็นเหล็กเหนียว (Iron) ผสมกับคาร์บอน (Carbon) และธาตุอื่น ๆ อีกเล็กน้อย ทำให้เหล็กกล้าเป็นวัสดุที่มีความแข็งแรงทนทาน มีความเหนียวแน่น รับน้ำหนักได้ดี มีความยืดหยุ่น สามารถรีดขึ้นรูปได้ ต้านทานความร้อน และทนต่อสภาพแวดล้อม เหล็กกล้าจึงเป็นโลหะพื้นฐานที่สำคัญและใช้บ่อยที่สุดในการก่อสร้าง เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับการใช้งานโครงสร้าง อาคาร สะพาน และยานพาหนะ รวมถึงอุตสาหกรรมทั่วไป เช่น การผลิตเครื่องจักรกล เครื่องมือฮาร์ดแวร์ เครื่องมือช่าง ลวด น็อต และอุปกรณ์เครื่องใช้ต่าง ๆ

สแตนเลสหรือเหล็กกล้าไร้สนิม (Stainless Steel) : มีความหนาแน่นอยู่ที่ 7.9 g/cm³ เป็นเหล็กผสมคาร์บอนและโครเมียม ที่มีส่วนช่วยในการป้องกันการเกิดสนิม มีคุณสมบัติต้านทานการกัดกร่อนความชื้น และสารเคมีได้ดีเยี่ยม ทนทานต่อความร้อนจัดถึงเย็นจัด จึงมักนำมาใช้ในอุตสาหกรรมขนส่ง งานที่มีความสำคัญด้านสุขอนามัย งานเกี่ยวกับปิโตรเคมี และพื้นที่ที่มีการกัดกร่อนสูง นอกจากนี้ยังนำไปใช้เป็นเครื่องมือแพทย์ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องครัว อุปกรณ์แปรรูปอาหาร ส่วนประกอบรถยนต์ และเครื่องใช้ต่าง ๆ

อลูมิเนียม (Aluminum) : โลหะสีเงินขาวที่มีความหนาแน่นต่ำ อยู่ที่ 2.7 g/cm³ น้ำหนักเบา สะท้อนแสง ขึ้นรูปได้ง่าย มีอัตราความแข็งแรงต่อน้ำหนักค่อนข้างสูง มีความต้านทานต่อสารเคมีต่าง ๆ ทนต่อการกัดกร่อน มีความไวต่อการนำไฟฟ้าและความร้อน โดยทั่วไปจะใช้ในการผลิตวัสดุโครงสร้าง เช่น โครงเครื่องบิน ตัวถังรถยนต์ และวัสดุก่อสร้าง นอกจากนี้ยังใช้ในสายส่งไฟฟ้า วัสดุบรรจุภัณฑ์ อลูมิเนียมฟอยล์ อุปกรณ์ทำอาหาร และกระป๋องเครื่องดื่ม

ทองแดง (Copper) : เป็นโลหะสีน้ำตาลแดงอ่อน มีความหนาแน่นอยู่ที่ 8.9 g/cm³ มีความอ่อนตัว เหนียว สามารถตีเป็นแผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้ ทนต่อการกัดกร่อน มีความสามารถในการนำไฟฟ้าและความร้อน จึงมักนำมาใช้ทำชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น สายไฟ สายเคเบิ้ล ไดนาโม มอเตอร์

ทองเหลือง (Brass) - โลหะผสมที่มีส่วนประกอบระหว่างทองแดงและสังกะสี มีความหนาแน่นอยู่ที่ 8.7 g/cm³ มีความทนทานต่อสนิม ทนต่อสภาพอากาศ ทนต่อรอยขูดขีด นิยมนำมาผลิตเป็นชิ้นส่วนรถยนต์ เครื่องดนตรี ของใช้และตกแต่งภายในบ้าน เช่น ก๊อกน้ำ ที่จับประตู

ทองสัมฤทธิ์หรือทองบรอนซ์ (Bronze) : เป็นโลหะที่มีส่วนผสมของทองแดงกับดีบุก มีความหนาแน่นอยู่ที่ 8.8 g/cm³ มีความทนทาน แข็งแรง ต้านทานการกัดกร่อน และจุดหลอมเหลวต่ำ มักนำมาใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น วิศวกรรม การก่อสร้าง ไฟฟ้า และการเดินเรือ รวมถึงการผลิตเครื่องประดับ เครื่องดนตรี งานศิลปะ และของตกแต่งต่าง ๆ

ทองคำ (Gold) : มีความหนาแน่นสูงมากอยู่ที่ 19.3 g/cm³ เป็นโลหะที่มีความเหนียวและอ่อนตัว มีผิวแวววาว สามารถขึ้นรูปเป็นลวดลายที่ซับซ้อนได้ เป็นตัวนำไฟฟ้าที่ดีเยี่ยม ทนทานต่อการหมองและการกัดกร่อน มีสีเหลืองทองสดใสสวยงามหรูหรา มีความหายาก เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับเครื่องประดับชั้นดี มีมูลค่าสูงเหมาะแก่การลงทุน

เงิน (Silver) : เป็นโลหะที่มีสีขาวแวววาว มีความหนาแน่นอยู่ที่ 10.5 g/cm³ นำไฟฟ้าและความร้อน สะท้อนแสงได้สูง เป็นโลหะที่มนุษย์ให้คุณค่า มักใช้ในเครื่องประดับ เครื่องมือทางการแพทย์ และเหรียญสกุลต่าง ๆ

สังกะสี (Zinc) : มีความหนาแน่นอยู่ที่ 7.1 g/cm³ เป็นโลหะที่มีสีขาวเงินมันวาว แข็งแต่เปราะ สามารถหล่อขึ้นรูปได้ง่าย ต้านทานต่อการกัดกร่อนในสภาพอากาศ ใช้ในการเคลือบ (galvanizing) เพื่อป้องกันการกัดกร่อนในเหล็ก ใช้ในแบตเตอรี่ และงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ

ตะกั่ว (Lead) : โลหะอ่อนที่มีจุดหลอมเหลวต่ำ มีความหนาแน่นอยู่ที่ 11.3 g/cm³ มีความอ่อนนุ่ม ยืดได้ และเป็นสีเทาเงิน สามารถรีดและตีขึ้นรูปได้ง่าย มักนำมาใช้ทำแบตเตอรี่ ชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

ดีบุก (Tin) : เป็นโลหะสีขาวเงินที่มีจุดหลอมเหลวต่ำ อ่อนตัว มีความหนาแน่นอยู่ที่ 7.28 g/cm³ ทนต่อการกัดกร่อน กรด และสารละลายต่าง ๆ เกาะติดกับโลหะอื่นได้ดี จึงมักใช้ในการเคลือบหรือผสมกับโลหะอื่น เพื่อป้องกันความชื้นและสนิม ตัวอย่างการนำไปใช้ เช่น ท่อ ลวด กระป๋องบรรจุอาหาร

ไทเทเนียม (Titanium) : เป็นโลหะที่มีความแข็งแรงสูง มีน้ำหนักเบา มีความหนาแน่นน้อยกว่าเหล็ก โดยจะมีความหนาแน่นอยู่ที่ 4.5 g/cm³ ถ่ายเทความร้อนได้ดี ต้านทานการกัดกร่อน มักนำไปผสมกับโลหะอื่น ๆ และใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต

นิกเกิล (Nickel) - มีความหนาแน่นอยู่ที่ 8.9 g/cm³ มีความความแข็งแรง เหนียวและอ่อนตัว มีสีขาวเงินมันวาว ขึ้นรูปในอุณหภูมิต่ำได้ดี ต้านทานการกัดกร่อน นำความร้อนและไฟฟ้า มักใช้ผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้า เคลือบผิวอุปกรณ์ต่าง ๆ

Note : g/cm³ คือ กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร

นี่เป็นเพียงโลหะบางส่วนเท่านั้น ยังมีโลหะอีกมากมายหลายชนิด เช่น แพลตินัม (Platinum) โครเมียม (Chromium) โคบอลต์ (Cobalt) ปรอท (Mercury) และอื่น ๆ อีกมากมาย

โลหะแต่ละชนิดมีคุณสมบัติและเกรดที่แตกต่างกันออกไปตามส่วนผสมภายในของโลหะนั้น ๆ ซึ่งเกรดของโลหะแต่ละชนิดจะมีผลกับการทำไปผลิตและแปรรูป รวมถึงมีผลต่อการนำไปใช้งานในด้านต่าง ๆ ที่แตกต่างกันออกไปตามคุณสมบัติ

4. การผลิตและแปรรูปโลหะ

โดย PNS Metal Work เองก็มีบริการรับผลิตและแปรรูปโลหะด้วยเช่นกัน โดยจะเน้นไปที่การแปรรูปต่าง ๆ หรือ Metal Fabrication

การผลิตและแปรรูปโลหะ

โลหะที่ PNS นิยมนำมาใช้ในการผลิตและแปรรูป ก็จะมี 3 ประเภทเป็นหลัก ได้แก่ 

  1. เหล็กกล้า (Steel)
  2. สแตนเลส (Stainless Steel)
  3. อลูมิเนียม (Aluminum)

เรามีบริการต่าง ๆ ที่สามารถทำได้ทั้ง

  • 👉 รับตัดโลหะ รับตัดเหล็ก ตัดเหล็กแผ่น ตัดเหล็กตามแบบ รับตัดสแตนเลส รับตัดอลูมิเนียม ตัดพับอลูมิเนียม บริการตัดโลหะต่าง ๆ ตามแบบ ด้วยเครื่อง Shearing ระบบไฮดรอลิกคุณภาพแม่นยำ
  • 👉 รับพับโลหะ รับพับเหล็ก พับสแตนเลส พับอลูมิเนียม พับเหล็กฉาก พับเหล็กตัวยู พับเหล็กตัวซี พับอะไหล่รถยนต์ พับอะไหล่รถดัมพ์ ด้วยพิมพ์พับหลากหลายและเครื่องพับระบบไฮดรอลิก
  • 👉 รับตัดเลเซอร์ ตัดพับเลเซอร์ เลเซอร์คัท (Laser Cut) เลเซอร์เหล็ก เลเซอร์อลูมิเนียม เลเซอร์สแตนเลส ด้วยเครื่องเลเซอร์ CNC Laser Cutting ทันสมัย รวดเร็ว แม่นยำสูง
  • 👉 รับวีคัท (V-Cut) วีคัทสแตนเลส เหล็ก อลูมิเนียม วีคัทแผ่นโลหะตามแบบ ไสร่องวี พับมุมฉาก 90 องศา ด้วยเครื่อง CNC V-Cutting ระบบคอมพิวเตอร์ความแม่นยำสูง ทันสมัย
  • 👉 รับผลิตชิ้นงานตามแบบ รับผลิตชิ้นงานเหล็ก รับผลิตชิ้นงานสแตนเลส รับผลิตชิ้นงานโลหะ รับผลิตชิ้นงานตามสั่ง ตัดพับ ดัด เชื่อม ปั๊ม ตัดเลเซอร์ วีคัท ผลิตแปรรูปตามแบบ ด้วยช่างที่มีประสบการณ์ พร้อมเครื่องจักรคุณภาพที่ครอบคลุมกระบวนการผลิตครบวงจร

📝 Trick ที่ควรทราบ

ความหนาแน่นของโลหะแต่ละประเภท มีความสำคัญอย่างมากในการนำมาผลิตและแปรรูปโลหะ โลหะแต่ละชนิดมีแข็งและความหนาแน่นที่แตกต่างกัน ในการตัดโลหะ หากโลหะชนิดใดมีความหนาแน่นมากกว่า ก็จะต้องใช้มีดที่คมและแข็งขึ้น ส่วนการพับโลหะต้องใช้เครื่องจักรที่มีกำลัง (ตัน) มากขึ้น

ซึ่งโลหะแผ่นที่เรานำมาแปรรูปกันส่วนใหญ่เกิดจากการผสมโลหะหลาย ๆ ประเภทเข้าด้วยกัน เพื่อให้มีคุณสมบัติเฉพาะตัว เช่น สแตนเลสก็จะมีหลายเกรด แต่ละเกรดก็มีส่วนผสมของโลหะหลายประเภท ทำให้เกิดเป็นคุณสมบัติที่แตกต่างกัน เช่น กันสนิม กันไฟฟ้า กันแม่เหล็กดูด เป็นต้น

ฉะนั้นการแปรรูปโลหะชนิดต่าง ๆ จำเป็นต้องใช้เครื่องจักรที่หลากหลายแตกต่างกันออกไป รวมถึงต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ด้านนี้โดยตรง

สรุป

ทั้งหมดนี้ก็เป็นเกร็ดความรู้สำหรับ โลหะ (Metals) ที่ PNS Metal Work นำมาฝาก หากผู้อ่านท่านใดต้องการผลิตชิ้นส่วนหรือแปรรูปโลหะสักชิ้น ไม่ว่าจะเป็นเหล็ก, อลูมิเนียม, สแตนเลส, ทองแดง, สังกะสี และโลหะอื่น ๆ ตามที่เราได้แนะนำไว้ในเนื้อหาด้านบน PNS เราก็มีบริการแปรรูปโลหะประเภทที่คุณเลือก พร้อมช่วยให้กระบวนการผลิตของคุณง่ายขึ้น ด้วยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ พร้อมให้คำแนะนำทุกกระบวนการผลิต รวมถึงโรงงานของเราที่มีเครื่องจักรครอบคลุมไลน์การผลิตชิ้นส่วนและแปรรูปโลหะต่าง ๆ อย่างครบครัน

สามารถติดต่อเข้ามาสอบถามรายละเอียดกับเรามาได้ตามลิงก์และช่องทางด้านล่างนะคะ

--------------------------------------------

บริษัท พีเอ็นเอส แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด

55/17 หมู่ที่ 5 ซอยเชิดมหาไชย 1 ถ.เอกชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร 74000

Line @PNSmetalwork

Facebook Page : PN Laser Cut

E-Mail : [email protected]

YouTube Channel : PN Laser Cut

References :

เนื้อหาอื่นๆ

Popular places

Dragon Bridge

Scarcely on striking packages by so property in delicate.

Golden Bridge

Scarcely on striking packages by so property in delicate.

Da Nang beaches

Scarcely on striking packages by so property in delicate.

Local Market

Scarcely on striking packages by so property in delicate.

Downtown

Scarcely on striking packages by so property in delicate.

Written by snookacn

cross